สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต ขอรายงานสรุปภาพรวมสถานการณ์ในตูนิเซียและมอริเตเนียในปี 2564 ดังนี้

1. ตูนิเซีย
   • สถานการณ์ทางการเมือง เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2564 นาย Kaïs Saïed ประธานาธิบดีตูนิเซียได้ประกาศระงับกิจกรรมของรัฐสภาและปลดหัวหน้ารัฐบาล นาย Hichem Mechichi ตามมาตรา 80 ของรัฐธรรมนูญตูนิเซีย และในอีกไม่กี่เดือนต่อมาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 ประธานาธิบดีตูนิเซียได้แต่งตั้ง นาง Najla Bouden เป็นหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งถือเป็นนายกรัฐมนตรคนแรกในโลกอาหรับ หลังจากนั้น จึงได้มีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ของตูนิเซียเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 จากกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้หลายประเทศและหลายภาคส่วนเกิดความไม่มั่นใจในเสถียรภาพทางการเมืองของตูนิเซีย ทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 ประธานาธิบดีตูนิเซียได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับแผนงานทางการเมือง โดยได้กำหนดว่าจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 17 ธันวาคม 2565
   • ในด้านการต่างประเทศ ปี 2564 เป็นปีที่ตูนิเซียครบวาระการดำรงตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นการรับตำแหน่งดังกล่าวเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ตูนิเซียร่วมเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ
   • ในด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ตูนิเซียได้ต้อนรับ นาย Abdelmadjid Tebboune ประธานาธิบดีแอลจีเรีย เมื่อเดือนธันวาคม 2564 ในระหว่างการเยือนดังกล่าวได้มีการลงนามความตกลงทวิภาคีหลายฉบับเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างตูนิเซียกับแอลจีเรียในหลากหลายสาขา เพิ่มเติมจากการที่แอลจีเรียได้ตกลงให้ตูนิเซียกู้ยืมเงินจำนวน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนหน้าการเยือนดังกล่าว
2. มอริเตเนีย
   • การเยือนมอริเตเนียของประธานาธิบดีแอลจีเรีย เมื่อเดือนธันวาคม 2564 โดยได้มีการลงนามความตกลงทวิภาคีเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในหลากหลายสาขา อาทิ การศึกษา สุขภาพ วิสาหกิจขนาดเล็ก การขนส่งและงานสาธารณะ
   • การขยายความตกลงด้นการประมงระหว่างมอริเตเนียกับสหภาพยุโรป โดยเป็นความตกลงระยะเวลา 5 ปี สำหรับการจัดการประมงอย่างยั่งยืน
   • การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างมอริเตเนียกับจีน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนกับมอริเตเนียได้พบหารือกันนอกรอบในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 8 ของการประชุมความร่วมมือจีน-แอฟริกา (FOCAC) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล โดยจีนจะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่มอริเตเนียในการต่อสู้กับโรค COVID-19 รวมถึงจีนจะยกเลิกหนี้ให้แก่มอริเตเนียมูลค่ารวม 160 ล้านหยวน (ประมาณ 25.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)