เหตุการณ์สำคัญในโมร็อกโกปี 2564
เหตุการณ์สำคัญในโมร็อกโกปี 2564
วันที่นำเข้าข้อมูล 21 ม.ค. 2565
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
| 1,038 view
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต ได้จัดทำรายงานเหตุการณ์สำคัญในโมร็อกโกปี 2564 ดังนี้
- วิกฤติการอพยพในเมืองเซวตา เมื่อวันที่ 17 - 18 พฤษภาคม 2564 ผู้อพยพประมาณ 10,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวโมร็อกโกและเยาวชน ได้อพยพเข้าสู่เมืองเซวตา (Ceuta) ของสเปนซึ่งอยู่ในแอฟริกาเหนือ ท่ามกลางความเฉยเมยของทางการโมร็อกโก โดยก่อนหน้านี้ได้เกิดวิกฤติความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างโมร็อกโกกับสเปน เมื่อสเปนได้รับนาย Brahim Ghali ผู้นำกลุ่ม Polisario Front เข้าพักการรักษาตัวในสเปนด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมเมื่อเดือนเมษายน 2564 นอกจากจากเหตุการณ์อพยพดังกล่าวแล้ว เอกอัครราชทูตโมร็อกโกประจำสเปนยังได้รับการเรียกตัวกลับประเทศเพื่อปรึกษาหารือตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 อีกด้วย
- กระชับความสัมพันธ์กับอิสราเอล โมร็อกโกและอิสราเอลได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนหลังจากที่ได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกันตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 โดยในช่วงต้นปี 2564 ได้เปิดสำนักงานประสานงานทางการทูตระหว่างกันในกรุงราบัตและกรุงเทลอาวีฟ นอกจากนี้ ยังเปิดการเชื่อมโยงการขนส่งทางอากาศ รวมถึงการลงนามในข้อตกลงทางการค้าและข้อตกลงความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ นาย Yair Lapid และนาย Benny Gantz รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลได้เดินทางเยือนโมร็อกโกเมื่อเดือนสิงหาคม และเดือนพฤศจิกายน 2564 ตามลำดับ ในขณะที่ Nasser Bourita รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโกคาดว่าจะไปเยือนอิสราเอลในอนาคตอันใกล้
- การยุติความสัมพันธ์กับแอลจีเรียและการปิดท่อส่งก๊าซเชื่อมต่อกับยุโรป แอลจีเรียประกาศยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับโมร็อกโกและปิดน่านฟ้าสำหรับเครื่องบินของโมร็อกโกตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 โดยกล่าวหาว่าโมร็อกโกมีการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ความแตกร้าวนี้เกิดขึ้นหลังจากความตึงเครียดระหว่างสองคู่แข่งทางประวัติศาสตร์เป็นเวลาหลายเดือน นับตั้งแต่ปฏิบัติการทางทหารของกองทัพโมร็อกโกในเมืองเกร์เกอราต (Guerguerat) ซึ่งเป็นเมืองชายแดนในพื้นที่ซาฮาราตะวันตกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 การปรับความสัมพันธ์ระหว่างโมร็อกโกกับอิสราเอล ซึ่งวิกฤติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดังกล่าวได้นำไปสู่การปิดท่อส่งก๊าซธรรมชาติมาเกร็บยุโรป (Maghreb-Europe Gas Pipeline - MEG) เมื่อเดือนตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติของแอลจีเรียไปยังสเปนผ่านดินแดนโมร็อกโก
- วิกฤติทางการทูตกับเยอรมนี โมร็อกโกได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตโมร็อกโกประจำกรุงเบอร์ลินกลับประเทศเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564ซึ่งเป็นผลมาจากทางการเยอรมนีได้มีข้อคำถามเกี่ยวกับอธิปไตยของโมร็อกโกเหนือพื้นที่ซาฮาราตะวันตก โดยกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโกได้สั่งให้หน่วยงานและกระทรวงของรัฐบาลทุกแห่งยุติการติดต่อหรือความสัมพันธ์ทั้งหมดกับสถานทูตของเยอรมนีในกรุงราบัต โดยการติดต่อกับเยอรมนีต้องดำเนินการผ่านกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศเริ่มดีขึ้นหลังจากที่โมร็อกโกประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ว่าพร้อมที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเยอรมนี หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีได้แถลงว่าแผนเอกราชของโมร็อกโกเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ซาฮาราตะวันตก
- การเลือกตั้งทั่วไปและการล่มสลายของพรรค PJD เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 โมร็อกโกจัดการเลือกตั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ภูมิภาคและเทศบาล พร้อมกันเป็นครั้งแรก ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของพรรคยุติธรรมและการพัฒนาอิสลาม (Islamist Justice and Development Party - PJD) หลังจากดำรงตำแหน่งมา 10 ปี โดยพรรค PJD อยู่ในอันดับที่แปดของการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยไดรับเลือกตั้งเพียง 13 ที่นั่งจากทั้งหมด 395 ที่นั่งในสภาล่างของรัฐสภาโมร็อกโก (เสียที่นั่ง 90% ของผลการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว) การเลือกตั้งยังให้ชัยชนะอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนแก่ฝ่ายกลางและเสรีนิยม โดยพรรค National Rally of Independents (RNI) ได้รับเลือกตั้ง 102 ที่นั่ง และผู้นำพรรค นายอาซิซ อัคคานนุช (Mr. Aziz Akhannouch) ได้รับตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลชุดปัจจุบัน
- เศรษฐกิจโมร็อกโกคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 6% แม้จะมี COVID-19 ธนาคารกลาง Al Maghrib (BAM) คาดว่า เศรษฐกิจของโมร็อกโกจะเติบโต 6.7% ในปี 2564 โดยคาดว่าส่วนหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นผลมาจากการรณรงค์ฉีดวัคซีนจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จและผลผลิตที่ดีจากฤดูเก็บเกี่ยวในภาคเกษตรกรรม แม้ว่าจะยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤติสุขภาพและการปิดพรมแดนโดยทางการโมร็อกโกในปัจจุบัน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เน้นย้ำว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโมร็อกโกจะดำเนินต่อไป โดยเสริมว่าหลังจากขาดดุล 6.3% ในปี 2563 GDP ของโมร็อกโกจะสูงถึง 6.7% เข้าใกล้ระดับก่อนวิกฤต และชี้ให้เห็นว่าโมร็อกโกเป็นประเทศที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคของแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง
- โมร็อกโกอยู่นอกบัญชีสีเทาของดินแดนภาษีต่ำ (Tax haven) สหภาพยุโรป (EU) ได้ลบโมร็อกโกออกจาก "บัญชีสีเทา" ของดินแดนภาษีต่ำ (tax havens) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 หลังจากที่โมร็อกโกดำเนินการปฏิรูประบบภาษีหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ โมร็อกโกอยู่ในรายชื่อบัญชีสีเทาตั้งแต่ปี 2560
- การส่งเงินจากผู้อพยพชาวโมร็อกโกในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น การส่งเงินจากผู้อพยพชาวโมร็อกโกที่อาศัยอยู่ต่างประเทศไปยังโมร็อกโกมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดการระบาดของวิกฤติสุขภาพ โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 94.7 พันล้านดีร์ฮาม (9 พันล้านยูโร) ในปี 2564 เพิ่มขึ้น 38.9% จากปีที่แล้ว ตามการคาดการณ์ของธนาคารกลางโมร็อกโก ซึ่งการส่งเงินกลับประเทศดังกล่าวเป็นหนึ่งในแหล่งแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหลักของประเทศ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการโอนเงินที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์เกิดจากความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับครอบครัวของผู้ย้ายถิ่น และการใช้ช่องทางที่เป็นทางการในการส่งเงินเพิ่มมากขึ้น
- การยกเลิกข้อตกลงการประมงและการเกษตร เมื่อเดือนตุลาคม 2564 ศาลทั่วไปของสหภาพยุโรปได้เพิกถอนการตัดสินใจของคณะมนตรีสหภาพยุโรปเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างสหภาพยุโรปและโมร็อกโกที่แก้ไขการกำหนดอัตราภาษีศุลกากรที่สหภาพยุโรปมอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งกำเนิดในโมร็อกโก ตลอดจนข้อตกลงหุ้นส่วนในด้านการประมงแบบยั่งยืน ซึ่งได้รวมถึงการกำหนดอัตราภาษีสำหรับผลผลิตทางการเกษตรจากภูมิภาคซาฮาราตะวันตก และการทำการประมงในน่านน้ำที่อยู่ติดกับซาฮาราตะวันตกตามลำดับ ซึ่งการพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นไปตามคำอุทธรณ์ที่ยื่นโดยกลุ่ม Polisario Front เมื่อเดือนมีนาคม 2562 โดยคาดว่าจะมีการอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว
- โมร็อกโกกับการฟื้นฟูสันติภาพในลิเบีย โมร็อกโกให้ความสำคัญกับการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลิเบีย ข้อตกลง Skhirat ซึ่งส่งผลให้เกิดความตกลงแห่งชาติของลิเบีย (Government of National Accord -GNA) ได้รับการลงนามในโมร็อกโกเมื่อปี 2558 เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ล่าสุด นายคาเลด อัล มิชรี ประธาน Libyan High State Council และนายอากีลา ซาเลห์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรของลิเบีย ได้พบกันที่โมร็อกโกเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นตำแหน่งสถาบันที่สำคัญในลิเบีย ทั้งนี้ โมร็อกโกเป็นเจ้าภาพการประชุมทั้งหมดสี่ครั้งเมื่อปี 2564 ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ของลิเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับกระบวนการทางการเมืองของลิเบีย ในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2564 มีการประชุมระหว่างลิเบียและโมร็อกโกเพิ่มขึ้น โดยหลายฝ่ายเปิดเผยว่าเพื่อยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง ความเป็นหุ้นส่วนทางการทหาร เศรษฐกิจ และความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียนระหว่างลิเบียกับโมร็อกโก