ข้อมูลโมร็อกโก และข้อมูลความสัมพันธ์ไทย-โมร็อกโก

ข้อมูลโมร็อกโก และข้อมูลความสัมพันธ์ไทย-โมร็อกโก

วันที่นำเข้าข้อมูล 18 มิ.ย. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 มิ.ย. 2566

| 60,082 view

ราชอาณาจักรโมร็อกโก

Kingdom of Morocco

ข้อมูลทั่วไป

สภาพภูมิศาสตร์ และภูมิอากาศ                        

ราชอาณาจักรโมร็อกโกตั้งอยู่ในด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา

ทิศเหนือติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมีชายแดนติดกับเมือง Ceuta และเมือง Melilla ของสเปน

ทิศตะวันตกติดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศใต้ติดสาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย และทิศตะวันออกติดสาธารณรัฐแอลจีเรีย

ลักษณะภูมิประเทศมีความหลากหลาย เป็นที่ตั้งของเทือกเขาที่สูงเป็นอันดับสองของแอฟริกา คือเทือกเขาแอตลาส (Atlas) และมีพื้นที่ครอบคลุมทะเลทรายซาฮาราบางส่วน ภูมิอากาศบริเวณชายฝั่งทะเลมีอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน แต่ทางตอนในของประเทศมีอากาศแห้งแล้งแบบทะเลทราย

ขนาดพื้นที่ประเทศ 446,550 ตารางกิโลเมตร โดยมีพื้นที่สำหรับเกษตรกรรม 303,820 ตารางกิโลเมตร พื้นที่เขตเมือง 12,057 ตารางกิโลเมตร (ปี 2553)

เมืองหลวง คือ กรุงราบัต

ภาษา                                                  

ตามรัฐธรรมนูญของโมร็อกโกภาษาราชการมี 2 ภาษา ได้แก่ ภาษาอาหรับ และภาษาทามาซิก (Tamazight)  โดยมีภาษาอาหรับท้องถิ่น หรือดารีจา (Darija) เป็นภาษาพูดที่ใช้อย่างกว้างขวาง ส่วนภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาต่างประเทศซึ่งถือเป็นภาษาที่สองของชาวโมร็อกโกซึ่งสามารถใช้ในการติดต่อธุรกิจและหน่วยงานราชการได้ นอกจากนี้ ยังมีการใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาพูดอย่างกว้างขวางในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศอีกด้วย

ศาสนา                                                

ศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ ร้อยละ 99  ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ ศาสนายูดาห์ และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 1

สกุลเงิน

ดีร์ฮาม (อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ 1 ดีร์ฮาม เท่ากับ 3.50 บาท)

ประชากร                                            

38,192,094 ล้านคน ร้อยละ 51 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 49 เป็นเพศชาย 

ดัชนีเกี่ยวกับประชากรที่สำคัญ

อายุขัยเฉลี่ยประชากร (Life expectancy, at birth) 77.21 ปี (ปี 2564) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 76.99 ปี เมื่อปี 2563

อัตราการรู้หนังสือ ร้อยละ 98.16 (ปี 2564) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.14 จากปี 2563

อัตราความยากจน (poverty rate) ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 28.2 เมื่อปี 2563 เป็นร้อยละ 26.7 ในปี 2564 โดยวัดจากเส้นแบ่งความยากจนที่อำนาจการซื้อเปรียบเทียบ (Purchasing Power Parity หรือ PPP) ที่ 5.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน

ดัชนีวัดความเป็นอยู่ที่ดีของสตรี (Women, Peace and Security Index) 0.624 อันดับที่ 138 จาก 170 ประเทศ (ปี 2564/2565)

ดัชนีการดูแลสุขภาพประชากร (Health Care Index) 46.69 อันดับที่ 89 จาก 95 ประเทศ (ปี 2565)

การเมืองการปกครอง                         

ระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร
พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน คือ สมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 (Mohammed VI) (เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2552)
นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน คือ นายอาซีซ อัคคันนูช (Mr. Aziz Akhannouch) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบัน คือ นายนัสเซอร์ บูริตะ (Mr. Nasser Bourita) (นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งโดยสมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564)

โมร็อกโกได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 ซึ่งพรรคการเมืองในโมร็อกโกมีจำนวนหลายพรรคมาตั้งแต่ได้รับเอกสารจากฝรั่งเศสเมื่อปี 2499 โดยมีอุดมการณ์ตั้งแต่กลุ่มซ้ายจัดไปจนถึงกลุ่มอิสลามนิยม ในปัจจุบัน สามารถแบ่งพรรคการเมืองออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่         

  1. พรรครัฐบาล ได้แก่
  • The National Rally of Independents
  • The Authenticity and Modernity Party
  • The Istiqlal or Independence Party
  1. พรรคฝ่ายค้าน ได้แก่
  • The Socialist Union of Popular Forces is a social-democratic political party
  • The Popular Movement
  • Party of Progress and Socialism
  • The Constitutional Union
  • Justice and Development Party
  • Democratic and Social Movement
  • Front of Democratic Forces
  • Federation of the Democratic Left
  • Unified Socialist Party
  1. พรรคอื่น ๆ ได้แก่

Action Party, Democratic Independence Party, Democratic Union, Democratic Way, Moroccan Liberal Party, Moroccan Union for Democracy, National Ittihadi Congress, Party of Hope, Party of Liberty and Social Justice, Party of Renaissance and Virtue, Party of Renewal and Equity, Social Centre Party, Socialist Democratic Vanguard Party

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของโมร็อกโก

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 โมร็อกโกได้ออกแผนพัฒนาฉบับใหม่ (New Development Model) โดยมีวิสัยทัศน์ให้โมร็อกโกเป็นประเทศที่มีความมั่งคั่ง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความยั่งยืน โดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการพัฒนา โดยแนวทางการดำเนินการแบ่งเป็น 5 แนวทางหลัก ได้แก่ (1) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวเร่งการพัฒนา (2) การปรับคุณภาพการให้บริการภาครัฐ (3) การจัดสรรทรัพยากรรวมทั้งงบประมาณให้เพียงพอในการพัฒนา (4) การมีส่วนร่วมของชาวโมร็อกโก รวมทั้งชาวโมร็อกโกที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ และ (5) การส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศ อาทิ สหภาพยุโรป สหรัฐฯ จีน อินเดีย บราซิล และกลุ่มประเทศอาหรับ (GCC) โดยเป้าหมายหลักที่โมร็อกโกพยายามจะบรรลุภายในปี 2578 (ค.ศ. 2035) อาทิ การเพิ่มรายได้ต่อหัวเป็น 16,000 ดอลลาร์สหรัฐ การเพิ่มดัชนีการมีส่วนร่วมของภาคการผลิดโมร็อกโกในห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศเป็นร้อยละ 50 (จากเดิมปัจจุบันร้อยละ 28) การเพิ่มอัตราพยายาบาลต่อประชากร 1000 คน เป็น 4.5 คน (จากเดิมมี 1.65 คน) การเพิ่มศักยภาพด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็ก เป็นร้อยละ 75 (จากเดิมร้อยละ 25) การเพิ่มความพึงพอใจของประชาชนต่อบริการภาครัฐเป็นร้อยละ 80 เป็นต้น และเน้นการพัฒนาในภาคส่วนที่สำคัญ ได้แก่ การเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับภาคเศรษฐกิจในการตอบสนองต่อปัญหาหรือข้อท้าทายต่าง ๆ การใช้การวิจัยและนวัตกรรมเพิ่มขึ้นในการพัฒนาเกษตรกรรม และการสร้างความหลากหลายและเพิ่มคุณภาพด้านการท่องเที่ยว

ดัชนีเกี่ยวกับการเมืองการปกครองที่สำคัญ

ดัชนีรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index)  39 คะแนน อันดับที่ 87 จาก 180 ประเทศ (ปี 2564)

ดัชนีความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้ (Gini Index) 40 (ปี 2562)

ดัชนีความปลอดภัย (Safety Index) 1.969 อันดับที่ 74 จาก 163 ประเทศ (ปี 2565)

การคาดการณ์ระดับความเสี่ยง (Risk Map 2022) โมร็อกโกมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงอยู่ในระดับปานกลาง

ข้อมูลเศรษฐกิจ

ภาพรวม

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคแอฟริกาในปี 2564 โมร็อกโกมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 5 (รองจากไนจีเรีย แอฟริกาใต้ อียิปต์ และแอลจีเรีย) โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2555 – 2564) มีผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (Gross Domestic Product หรือ GDP) เฉลี่ยปีละ 111.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงดังกล่าวเฉลี่ยปีละ 2.69 โดยช่วงสถานการณ์ COVID-19 ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบร้อยละ 6.3 เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้ในปี 2564 โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 7.9 อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาความแห้งแล้งภายในประเทศส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของโมร็อกโกชะลอตัวลง โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงร้อยละ 0.3 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 และอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นที่ระดับร้อยละ 8 ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ทั้งนี้ หน่วยงานด้านการวางแผน (Haut Commissariat au Plan) ของโมร็อกโกคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของโมร็อกโกจะขยายตัวร้อยละ 3.3 ในปี 2566

ดัชนีเศรษฐกิจที่สำคัญ

ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product – GDP, current) 132.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2564) (เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 114.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2563)

ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว (GDP per capita, current USD) 3,513 ดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2564) (เพิ่มขึ้นจาก 3,058.70 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2563)

ดุลบัญชีเดินสะพัด (current account balance (BOP, current)) -3.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2564) (จาก -1.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2563)

อัตราการเติบโตของ GDP (GDP Growth annual, %) ร้อยละ 7.4 (ปี 2564) (จากเดิมติดลบร้อยละ 6.3 เมื่อปี 2563)

อัตราการขาดดุลงบประมาณ ร้อยละ 6.7 ของ GDP (ปี 2564)

อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ร้อยละ 77.9 (ธันวาคม 2564 เพิ่มจาก 76.4 ของเดือนธันวาคม 2563)

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation, Consumer Prices, annual, %) ร้อยละ 1.4 ปี 2564 (เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 0.706 เมื่อปี 2563)

อัตราการว่างงาน (Unemployment rate, total, %) ร้อยละ 11.5 (ปี 2564) (ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 11.9 ในปี 2563)

การลงทุนจากต่างประเทศ 1.647 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (สิ้นปี 2564)

ดัชนีความสามารถในการแข่งขัน 4.0 (Global Competitiveness Index – GCI) 60.01 คะแนน อันดับที่ 75 (ธันวาคม 2562)

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) 68.30 (ไตรมาสที่ 1 ของปี 2564)

อันดับความง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business Ranking) อันดับที่ 53 จาก 190 ประเทศ (ปี 2563)

การค้า

การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศเป็นสาขาที่ก่อให้เกิดรายได้แก่โมร็อกโก ร้อยละ 44.8 ของ GDP ในปี 2565 ส่วนการนำเข้าก่อให้เกิดรายได้แก่โมร็อกโกร้อยละ 56.3 ของ GDP สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ปุ๋ย ลวดสายไฟหุ้มฉนวน ยานพาหนะ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้า และสินค้านำเข้าที่สำคัญได้แก่ น้ำมันดิบ ยานพาหนะ ข้าวสาลี ก๊าซธรรมชาติ ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น คู่ค้าที่สำคัญสำหรับการส่งออกในปี 2565 ได้แก่ สเปน (ร้อยละ 20) ฝรั่งเศส (ร้อยละ 20) อินเดีย (ร้อยละ 6.6) อิตาลี (ร้อยละ 4.6) บราซิล (ร้อยละ 4.2) ส่วนคู่ค้าที่สำคัญสำหรับการนำเข้าในปี 2565 ได้แก่ สเปน (ร้อยละ 15) ฝรั่งเศส (ร้อยละ 11) จีน (ร้อยละ 10) สหรัฐฯ (ร้อยละ 7.7) ซาอุดีอาระเบีย (ร้อยละ 6.7) โดยส่วนใหญ่โมร็อกโกขาดดุลการค้ากับต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในช่วงปี 2559-2563 ขาดดุลการค้าเฉลี่ยปีละ 10,442 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากสถิติของธนาคารโลก ในปี 2565 โมร็อกโกส่งออกสินค้าและบริการไปต่างประเทศจำนวนรวม 35,299 ล้านดีร์ฮาม (หรือประมาณ 134,136.20 ล้านบาท หากใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดีร์ฮาม เท่ากับ 3.8 บาท) ในขณะที่นำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศจำนวนรวม 54,878 ล้านดีร์ฮาม (หรือประมาณ 208,536.40 ล้านบาท)

สินค้านำเข้าภายในโมร็อกโกที่มีการเติบโตดีในปี 2565 ได้แก่ สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะซีเรียล และสินค้าพลังงาน ในขณะที่สินค้าส่งออกจากโมร็อกโกที่มีการเติบโตดี ได้แก่ ยานยนต์ สิ่งทอ 

โมร็อกโกได้ลงนามความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี (Free Trade Area – FTA) กับสหภาพยุโรปเมื่อปี 2539 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2543 และได้ลงนามความตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Agreement) กับสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2547 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2549 นอกจากนี้ ยังมีความตกลงเขตการค้าเสรีกับตุรกี ตูนิเซีย อียิปต์ จอร์แดน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และได้ร่วมลงนามและให้สัตยาบันความตกลงเขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา (African Continental Free Trade Area – AfCFTA) แล้ว

กฎระเบียบการประกอบธุรกิจ
โมร็อกโกมีนโยบายปกป้องธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศ จึงมีอัตราภาษีนำเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้านำเข้าในอัตราสูง และมีกฎระเบียบเกี่ยวกับการนำเข้าค่อนข้างซับซ้อน และยุ่งยาก การแลกเปลี่ยนเงินตราทำได้ค่อนข้างยาก โมร็อกโกมีกฎระเบียบในการแลกเปลี่ยนเงินที่เคร่งครัด เมื่อพิจารณาตัวชี้วัดความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ที่จัดทำโดยธนาคารโลก พบว่าโมร็อกโกมีคะแนนระดับดีมากในด้านการเริ่มธุรกิจ (Starting a business) แต่มีคะแนนต่ำในด้านการขอสินเชื่อ (Getting Credit)

กฎระเบียบเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ

  • กฎหมาย ที่ 13-89 เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ลงวันที่ 9 พ.ย. ค.ศ. 1992 และได้รับการแก้ไขเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ค.ศ. 1997 มีเนื้อหาเกี่ยวกับการคุ้มครองตลาดภายใน มาตรการเกี่ยวกับการนำเข้าและการส่งออกสินค้า
  • พระราชกฤษฎีกา ที่ 2-93-415 ลงวันที่ 2 ก.ค. ค.ศ. 1993 เกี่ยวกับการประกาศใช้กฎหมาย ที่ 13-89 ตามที่ได้รับการแก้ไข และเสริมด้วยพระราชกฤษฎีกา ที่ 2-99-1261 ลว. 4 พ.ค. ค.ศ. 2000 มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการนำเข้าและการส่งออกสินค้า การทำงานของคณะที่ปรึกษาการนำเข้าภายใต้สังกัดกระทรวงพาณิชย์ วิธีการคุ้มครองตลาดภายใน วิธีการใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard measures) การจัดตั้งคณะมนตรีแห่งชาติว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ    
  • กฎหมาย ที่ 91-14 เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ลงวันที่ 7 เม.ย. ค.ศ. 2016 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับหลักการทั่วไปในการนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริการ รูปแบบการค้าระหว่างประเทศ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออกสินค้า การคุ้มครองการผลิตสินค้าภายในประเทศ การเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

การลงทุน

จากรายงานเรื่อง “”World Investment Report” ที่เผยแพร่โดย UNCTAD เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2564 และเวบไซต์บริษัทที่ปรึกษาต่าง ๆ พบว่า มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment – FDI) ของโมร็อกโกมีมูลค่าคงตัวในปี 2563 ที่ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในสาขาอุตสาหกรรม อาทิ ยานยนต์ อากาศยาน และสิ่งทอ ในปี 2564 การลงทุนจากต่างประเทศก่อให้เกิดรายได้ร้อยละ 1.5 ของ GDP คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

รัฐบาลโมร็อกโกดำเนินการตามแผนการเร่งรัดอุตสาหกรรม 2557-2563 (Industrial Acceleration Plan 2014-2020) ซึ่งมุ่งเน้นส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และได้ขยายการดำเนินการตามแผนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องออกไปในช่วงปี 2564-2568 โดยใช้วิธีการส่งเสริมการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมในทุกภูมิภาคของประเทศ การรวมกลุ่มของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises – SMEs) และส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเป็นหัวใจสำคัญในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี โดยใช้จุดแข็งของค่าจ้างแรงงานต่ำ จุดยุทธศาสตร์ที่ตั้งระหว่างยุโรปกับภูมิภาคแอฟริกาซับซาฮารา โครงสร้างสาธารณูปโภคที่ดี และเสถียรภาพทางการเมือง อย่างไรก็ดี ข้อท้าทายของการลงทุนในโมร็อกโก คือ ตลาดภายในประเทศที่ค่อนข้างเล็ก ความสามารถในการแข่งขันของแรงงานอยู่ในระดับต่ำ ความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาคและภายในสังคม การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาค่อนข้างต่ำ ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และเศรษฐกิจยังพึ่งพิงภาคเกษตรกรรมและราคาพลังงานในระดับสูง

เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนการลงทุนในสาขาต่าง ๆ สามารถเรียงลำดับ (ปี 2564) ได้ดังนี้ อสังหาริมทรัพย์ (ร้อยละ 27) การผลิตด้านอุตสาหกรรม (ร้อยละ 17.3) กิจกรรมด้านการคลังและการประกันภัย (ร้อยละ 11.3)

ประเทศที่ลงทุนในโมร็อกโกในสัดส่วนสูงสุด (ปี 2564) คือ ฝรั่งเศส (6 พันล้านดีร์ฮาม หรือประมาณ 0.56 พันล้านดอลาร์สหรัฐ) รองลงมาคือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (4 พันล้านดีร์ฮาม หรือประมาณ 0.37 พันล้านดอลาร์สหรัฐ) สหราชอาณาจักร (2.8 พันล้านดีร์ฮาม หรือประมาณ 0.26 พันล้านดอลาร์สหรัฐ) เนเธอร์แลนด์ (1.7 พันล้านดีร์ฮาม หรือประมาณ 0.16 พันล้านดอลาร์สหรัฐ) และสหรัฐอเมริกา (0.7 พันล้านดีร์ฮาม หรือประมาณ 0.065 พันล้านดอลาร์สหรัฐ) โดยการลงทุนจากทั้ง 5 ประเทศข้างต้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 78.4 ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมดในโมร็อกโก

นโยบายส่งเสริมการลงทุน

กฏระเบียบเกี่ยวกับการลงทุนของโมร็อกโกค่อนข้างเสรี โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ 100 % ไม่จำเป็นต้องมีผู้ร่วมทุนท้องถิ่น และสามารถลงทุนได้เกือบทุกสาขา ยกเว้นการซื้อที่ดินการเกษตร และบางสาขาที่รัฐบาลโมร็อกโกเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ อาทิ อุตสาหกรรมฟอสเฟต

โมร็อกโกได้จัดทำความตกลงด้านการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนกับประเทศต่าง ๆ จำนวน 61 ฉบับ และความตกลงเพื่อยกเว้นภาษีซ้อนจำนวน 33 ฉบับ

กฎหมายที่สำคัญด้านการลงทุนของโมร็อกโก คือ กฎบัตรการลงทุน (Investment Charter) ปี 2538 ซึ่งมีหลักการสำคัญส่งเสริมการลงทุนที่สำคัญ อาทิ

  • การยกเว้นภาษีบริษัทในช่วง 5 ปีแรกของการลงทุน และยกเว้นภาษีรายได้จากการส่งออกร้อยละ 50 ในช่วง 5 ปีต่อจาก 5 ปีแรก
  • การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ
  • การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับการส่งออก
  • การลงทุนในเมืองแทนเจียร์ จะได้รับการลดภาษีบริษัทร้อยละ 50 รวมทั้งภาษีรายได้บุคคล และค่าสิทธิบัตร
  • การคุ้มครองการลงุทนและการโอนเงินทุนอย่างเสรี
  • การไม่เลือกปฏิบัติระหว่างการลงทุนจากต่างประเทศกับนักลงทุนภายในประเทศ

การลงทุนที่มีมูลค่ามากกว่า 200 ล้านดีร์ฮาม (ประมาณ 700 ล้านบาท) จะได้รับการพิจารณาอนุมัติโดยคณะกรรมาธิการพิเศษ ซึ่งจะมีสิทธิพิเศษด้านการลงทุนเพิ่มเติม

สำนักงานการพัฒนาการลงทุนและการส่งออกแห่งโมร็อกโก (Moroccan Investment and Export Development Agency – AMDIE) เป็นองค์กรของรัฐที่มีหน้าที่ส่งเสริมการลงทุนทั้งนักลงทุนภายในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ และส่งเสริมการส่งออกจากโมร็อกโกไปยังต่างประเทศ โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านการลงทุน ให้ความช่วยเหลือโครงการลงทุนในโมร็อกโก ช่วยสร้างเครือข่ายกับหุ้นส่วนหรือผู้จัดหาสินค้าและบริการ (supplier) เป็นต้น นอกจากนี้ ในแต่ละภูมิภาคของโมร็อกโกยังมีการจัดตั้ง Investment Regional Center เป็นหน่วยงานในลักษณะ One-stop service ในระดับภูมิภาคเพื่อส่งเสริมการลงทุนโดยมีภารกิจที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือในการจัดตั้งบริษัท ช่วยเหลือนักลงทุน และการส่งเสริมการลงทุนในภูมิภาคของตน

ในช่วงปี 2565 AMDIE ได้เสนอร่างกฎบัตรการลงทุน (แทนกฎบัตรฉบับเดิมที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2538) เพื่อตอบสนองต่อข้อท้าทายในปัจจุบันและการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจของโมร็อกโก โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มการลงทุนในภาคเอกชนให้ถึง 550 พันล้านดีร์ฮาม (ประมาณ 51.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2569 โดยหนึ่งในประเด็นที่มีการหารือในการจัดทำร่างกฎหมายดังกล่าว คือ การทำให้กระบวนการลงทุนในภาคเอกชนสะดวกยิ่งขึ้น การเพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการ การทำให้การลงทุนช่วยเพิ่มการจ้างงานและสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งได้รับการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาของโมร็อกโกแล้ว ตามกฎหมาย ที่ 03-22 ลว. 15 ธ.ค. ค.ศ. 2022 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการลงทุน การให้สิทธิประโยชน์ทางการลงทุน การใช้มาตรการอื่นเพื่อส่งเสริมการลงทุนแบบคู่ขนาน (อาทิ นโยบายส่งเสริมการแข่งขัน การส่งเสริม R&D การอำนวยความสะดวกตลาดทุน) การคุ้มครองนักลงทุน ธรรมาภิบาลในการลงทุน การแก้ไขข้อพิพาท 

นอกเหนือจากกฎบัตรการลงทุน ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีก 2 ฉบับ ได้แก่

  • พระราชกฤษฎีกา ที่ 2-23-1 ลงวันที่ 2 มี.ค. ค.ศ. 2023 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนการลงทุนขนาดใหญ่มูลค่า 50 ล้านดีร์ฮามขึ้นไป (190 ล้านบาท) หรือสร้างงานตั้งแต่ 150 ตำแหน่งขึ้นไป การส่งเสริมการลงทุนในสาขายุทธศาสตร์
  • ข้อตัดสินใจที่ 3-12-23 ลงวันที่ 6 เม.ย. ค.ศ. 2023 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนการลงทุนในสาขายุทธศาสตร์ อาทิ อุตสาหกรรมการเกษตร เภสัชกรรม อุตสาหกรรมการแพทย์

ภาพรวมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับโมร็อกโก

โมร็อกโกกับไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันตั้งแต่ปี 2528 โดยไทยได้เปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต เมื่อเดือนมีนาคม 2537 ส่วนโมร็อกโกได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตโมร็อกโกประจำประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน โดยความสัมพันธ์เป็นไปอย่างราบรื่น

ความสัมพันธ์กับไทยด้านการค้า

หากพิจารณามูลค่าการค้าระหว่างไทยกับโมร็อกโกในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา (2554 – 2564) พบว่าการค้าระหว่างไทย-โมร็อกโกมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 5,906.25 ล้านบาท โดยมีมูลค่าสูงสุดเมื่อปี 2554 จำนวน 8,211 ล้านบาท และมูลค่าต่ำสุดเมื่อปี 2563 จำนวน 4,330.31 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าเฉลี่ยปีละ 1,720.58 ล้านบาท โดยปีที่ได้ดุลการค้าสูงสุด คือ ปี 2556 ได้ดุลการค้า 2,444.66 ล้านบาท และได้ดุลการค้าต่ำสุดในปี 2558 จำนวน 847.87 ล้านบาท ในช่วงปี 2565 การค้าระหว่างไทย-โมร็อกโกมีมูลค่า 5,767.08 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.72 เมื่อเทียบกับปี 2564) โดยไทยส่งออกมูลค่า 3,777.55 ล้านบาท และนำเข้าจากโมร็อกโกมูลค่า 1,989.53 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 1,788.02 ล้านบาท 

สินค้าส่งออกจากไทยไปโมร็อกโกส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม มีสินค้าเกษตรเพียง 1 ชนิด ได้แก่ ข้าว ที่ติดอันดับ 10 สินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปโมร็อกโก โดยมีรายชื่อสินค้าส่งออกจากไทยไปโมร็อกโกเรียงตามลำดับมูลค่าการส่งออกในช่วงปี 2565 ตามตารางต่อไปนี้

ตารางที่ 1 สินค้าส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรก จากไทยไปโมร็อกโก (2565)

ลำดับที่

ประเภทสินค้า

มูลค่าการส่งออก

(ล้านบาท)

อัตราการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 (%)

1

รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

1,560.32

-16.68

2

ข้าว

275.94

166.46

3

ของเบ็ดเตล็ดทำด้วยโลหะสามัญ

179.36

296.11

4

เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ

136.83

-0.18

5

เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล

132.33

179.25

6

ผลิตภัณฑ์ยาง

129.05

-11.36

7

เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์

118.14

38.79

8

ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ

108.36

-51.53

9

ผ้าปักและผ้าลูกไม้

95.40

33.05

10

มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

78.50

n/a

ที่มาข้อมูล: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

 

สินค้านำเข้าสำคัญจากโมร็อกโกไปไทย เรียงตามลำดับมูลค่าการส่งออกในช่วงปี 2565 ตามตารางต่อไปนี้

ตารางที่ 2 สินค้านำเข้าสำคัญ 10 อันดับแรก จากโมร็อกโกไปไทย (2565)

ลำดับที่

ประเภทสินค้า

มูลค่าการส่งออก

(ล้านบาท)

อัตราการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 (%)

1

เสื้อผ้าสำเร็จรูป

644.12

72.61

2

สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป

445.35

27.44

3

แผงวงจรไฟฟ้า

321.75

21.47

4

ไดโอด ทรานซิสเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ

138.39

23.13

5

สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์

111.89

262.44

6

เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ

109.80

101.52

7

วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปอื่นๆ

89.05

-69.73

8

เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด

25.94

135.68

9

ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก

25.56

523.20

10

เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ

12.97

-18.88

ที่มาข้อมูล: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

ไทยกับโมร็อกโกได้ร่วมลงนามความตกลงทางการค้า (Trade Agreement) ระหว่างกันเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2543 เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและสร้างความหลากหลายของการค้าสินค้าและบริการ รวมทั้งให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee – JTC) นอกจากนี้ ภาคเอกชนของไทยและโมร็อกโก ได้ลงนามความตกลงจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-โมร็อกโก เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2551

ความสัมพันธ์กับไทยด้านการลงทุน

การลงทุนระหว่างไทยกับโมร็อกโกยังอยู่ในระดับต่ำ โดยตั้งแต่ปี 2513 เป็นต้นมา มีการลงทุนจากโมร็อกโกที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพียง 3 โครงการ คือ (1) การลงทุนของบริษัท O’BRILLIANT ASIA PACIFIC จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องประดับและชิ้นส่วน มูลค่าการลงทุน 20 ล้านบาท (2) การลงทุนของ Ely Cheikh N Tehah ในสาขาบริการการค้าระหว่างประเทศ มูลค่าการลงทุน 10 ล้านบาท และ (3) การลงทุนของ Mr. Tristan, Albert, Henri Louette ในด้านซอฟต์แวร์และเนื้อหาดิจิทัล มูลค่าการลงทุน 1.2 ล้านบาท ในส่วนการลงทุนของไทยในโมร็อกโก มีการลงทุนของผู้ประกอบการร้านอาหารไทยและร้านนวด/สปาไทยในโมร็อกโกรวมประมาณ 13 ราย

ประเด็นท้าทายในการประกอบธุรกิจไทยในโมร็อกโก
- ปัญหาความล่าช้าในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในการทำธุรกิจในโมร็อกโก
- คุณภาพของทรัพยากรบุคคลค่อนข้างต่ำ
- ไทยและโมร็อกโกยังไม่มีมาตรการด้านการค้าและการลงทุนที่เอื้อในการทำธุรกิจระหว่างกัน
- ภาษาราชการคือภาษาอาหรับ และสามารถใช้ภาษาฝรั่งเศสในการติดต่อธุรกิจและหน่วยงานราชการได้ อย่างไรก็ดี ในชีวิตประจำวัน ชาวโมร็อกโกทั่วไปใช้ภาษาอาหรับท้องถิ่น ซึ่งผสมผสานกันระหว่างภาษาอาหรับ ฝรั่งเศส และภาษาพื้นเมือง
- ราคาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อของของคนโมร็อกโก และสินค้าจากจีนมีราคาถูกกว่าสินค้าจากไทย
- สินค้าไทยยังคงไม่เป็นที่รู้จักในตลาดโมร็อกโก ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการประชาสัมพันธ์และมีมาตรการส่งเสริมอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง  

ความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว

ในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวชาวโมร็อกโกเดินทางไปท่องเที่ยวในไทย 9,910 คน และนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปโมร็อกโก 71 คน

ในปี 2565 มีชาวโมร็อกโก/ผู้มีถิ่นพำนักในโมร็อกโกขอรับการตรวจลงตราเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวในไทยจำนวน 2,854 คน (สถิติจากฝ่ายกงสุล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต)

ความสัมพันธ์ด้านการศึกษา

โมร็อกโกให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาบัตรแก่นักศึกษาไทยจำนวน 15 ทุน เป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2537 โดยนักศึกษาไทยส่วนใหญ่ศึกษาด้านอิสลามศึกษา นอกจากนี้ ไทยและโมร็อกโกยังได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาและการวิจัยไทย-โมร็อกโก เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2561

* * * * * * * * * * * * *

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต

ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566

โดยรวบรวมข้อมูลจากเวบไซต์หน่วยงานและแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อาทิ

https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.CD?locations=MA

https://www.populationdata.net/pays/maroc/

https://www.douane.gov.ma/web/guest/notre-institution-a-l-international

http://tradereport.moc.go.th/TradeThai.aspx

https://www.doingbusiness.org/en/data/exploreeconomies/morocco

https://morocconow.com/en/e/amdie

https://santandertrade.com/en/portal/establish-overseas/morocco/foreign-investment

https://www.diplomatie.ma/fr/investir-au-maroc

https://countrymeters.info/fr/Morocco

https://www.hcp.ma/Taux-d-urbanisation-en-par-annee-1960-2050_a682.html

https://www.banquemondiale.org/fr/country/morocco/publication/economic-update-april-2022

https://www.hcp.ma/Conjoncture-et-prevision-economique_r328.html

https://tradingeconomics.com/morocco/imports-by-country